ตลาดตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการประชุมนอกตารางของธนาคารเฟดเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ตลาดเก็งว่า หลังจากสถิติเงินเฟ้อที่ย่ำแย่ คณะกรรมการ FOMC จะดำเนินมาตรการเร่งด่วนและขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่..กลับไม่มีอะไรที่เลวร้ายเกิดขึ้น
แนวโน้มประจำสัปดาห์
- Microsoft 3.76%. คำสั่งเทรด “ลง” ด้วยเงินจำนวน $100 และตัวคูณ X20 คุณจะทำเงินได้ง่าย ๆ จำนวน $75.2
- NZD/USD 0.35% คำสั่งเทรด “ขึ้น” ด้วยเงินจำนวน $100 และตัวคูณ X500 คุณจะทำเงินได้ง่าย ๆ จำนวน $175
- BTC 4.7% คำสั่งเทรด “ลง” ด้วยเงินจำนวน $100 และตัวคูณ X10 คุณจะทำเงินได้ง่าย ๆ จำนวน $47
ตลาดค่าเงิน
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ เกิดขึ้นในตลาดค่าเงินในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 14 ก.พ. มีการจัดการประชุมนอกตารางของคณะกรรมการตลาดเสรีสหรัฐฯ (FOMC) แต่ไม่มีการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด คู่ EUR/USD ตอบสนองด้วยเทรนด์ขาลงในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนที่จะปรับระดับขึ้นและจึงแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ดัชนี DXY คงตัวอยู่เหนือ 95.7 แต่เรายังไม่เห็นแนวโน้มขาขึ้นในตอนนี้
การประชุมของคณะกรรมการ FOMC ตามกำหนดครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 16 มี.ค. 2022 ในเวลานี้ นักวิเคราะห์มั่นใจเกือบ 100% ว่า อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้น 25-50 จุดพื้นฐาน อยู่ที่ประมาณ 0.25-0.5% โดยในตอนนี้ คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของกรรมการ FOMC เห็นด้วยให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย (สายเหยี่ยว)
แม้แต่ ลาเอล เบรนนาร์ด (Lael Brainard) ผู้เป็นกรรมการท่านเดียวที่สนับสนุนนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายก็ออกมากล่าวในสัปดาห์นี้ว่า “อัตราดอกเบี้ยของธนาคารเฟดเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ”
ด้านสถานการณ์ของธนาคารแห่งชาติอังกฤษ ซึ่งได้เริ่มระบบดูดซึมสภาพคล่องส่วนเกินแล้วนั้น ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน ในที่นี้ คะแนนเสียงข้างมากของคณะกรรมการธนาคารกลางอังกฤษโหวตให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน
นี่หมายความว่า มีความเป็นไปได้สูงที่นโยบายของธนาคารจะคงนโยบายแบบคุมเข้ม ซึ่งมีความหมายต่อตลาดดังนี้:
- GBP อาจแข็งค่าขึ้นต่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ คู่รอง เช่น GBP/CHF และ GBP/JPY อาจควรได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
- ด้านดัชนี FTSE ของอังกฤษอาจกลับทิศทางและเริ่มขยับลง
ลงทะเบียนบัญชี Olymp Trade และรับ $10,000 รับ $10,000 สำหรับมือใหม่
ตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในโซน “สีแดง” เป็นส่วนใหญ่ในสัปดาห์นี้ กลุ่มเทคโนโลยี บริการการสื่อสาร และวัฎจักรผู้บริโภคเป็นกลุ่มหุ้นที่มีผลงานยอดแย่มากที่สุด
วันที่เลวร้ายที่สุดสำหรับดัชนีหุ้นคือวันวาเลนไทน์ที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเผชิญกับสภาวะความเสี่ยงสูงเนื่องด้วยกำหนดการประชุมของ FOMC นอกตาราง ดัชนี Dow Jones เกือบจะตัดระดับ 34400 ลงไป ด้านดัชนี Nasdaq100 ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 14400 และดัชนี S&P 500 ทดสอบระดับที่ 4400 ในเวลาต่อมา เมื่อปรากฏความชัดเจนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในอัตราดอกเบี้ย ฝั่งกระทิงก็รีบฉวยโอกาสพาดัชนีขยับขึ้นไปเหนือระดับสำคัญเล็กน้อย
รายงานจาก CFTC ในสัปดาห์ที่ผ่านมาชี้ว่า สถานการณ์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก จำนวนคำสั่งขายของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดยังคงมีปริมาณมากกว่าจำนวนคำสั่งซื้อ
ในสัปดาห์ที่แล้ว เราได้จับตาดูหุ้น Amazon แต่ฝั่งกระทิงกลับล้มเหลวที่จะยืนเหนือระดับแนวต้านที่บริเวณ $3,200-3,300 ซึ่งหมายความว่า ยังคงมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงต่อ
ตลาดสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในโอกาส “วันประธานาธิบดี”
ลงทะเบียนบัญชี Olymp Trade และรับ $10,000 รับ $10,000 สำหรับมือใหม่
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ $95.42 ต่อบาร์เรล ซึ่งสอดคล้องกับระดับ Fibo ที่ 1.5 ของเทรนด์ปัจจุบัน เราไม่เคยเห็นราคาในระดับนี้มาเป็นเวลามากกว่า 7 ปี
อย่างไรก็ดี เส้นเทรนด์ไลน์ถูกตัดผ่านแล้วในกรอบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นไปตามการคาดการณ์ทางเทคนิค เพราะว่าราคาอยู่ในโซน overbought มาเป็นเวลานานแล้ว ระดับแนวรับในกรอบของ Brent ขณะนี้อยู่ที่ระดับ $90 และเป็นระดับ Fibo ที่ 1.236
สาเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการปรับฐานอาจเป็นเพราะความคืบหน้าในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ผู้เจรจาอ้างว่าพวกเขา “ใกล้จะได้ข้อตกลงมากที่สุด” หากผู้เจรจาบรรลุข้อตกลงสำเร็จ มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจะถูกยกเลิกจากอิหร่าน ซึ่งอิหร่านเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโอเปก และมีขีดความสามารถในการเพิ่มกำลังการผลิตเป็นอย่างมาก
สิ่งนี้อาจช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันส่วนเกินเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในกรณีนี้ ราคาน้ำมัน Brent อาจร่วงลงมา $10 หรือมากกว่า แต่กลุ่ม OPEC+ ยังไม่สามารถปฏิบัติตามแผนการเพิ่มปริมาณการผลิต และอิหร่านจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี คำถามที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือ อิหร่านจะสามารถกลับมาเพิ่มขีดกำลังการผลิตที่ไม่เคยใช้งานมาเป็นเวลานานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วมากที่สุดเมื่อใด เรื่องนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เรายังคงไม่ทราบคำตอบ
จากมุมมองการวิเคราะห์ทางเทคนิค สัปดาห์ที่แล้วเป็นสัปดาห์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสำหรับทองคำ โดยมีตัวอย่างยืนยัน ดังนี้:
- ราคาตัดทะลุระดับแนวต้านที่ $1876
- ราคาเข้าใกล้ $1,900 ต่อทรอยออนซ์ และเปิดทางไปสู่ระดับจิตวิทยาที่ $2000
- เส้นเทรนด์ขาลง ซึ่งทองคำมีการซื้อขายมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 ถูกตัดผ่านในที่สุด
ราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้อินดิเคเตอร์ RSI เข้าสู่บริเวณ overbought เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว ดังนั้น จึงค่อนข้างมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะมีการปรับฐานหลังจากการพุ่งขึ้นของราคาในรอบนี้
ราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังหลบหนีจากสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดหุ้นติดลบต่อเนื่อง ในขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ลดลงเช่นกัน และอัตราเงินเฟ้อทุบสถิติใหม่ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นด้านการเมืองระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงและแนวโน้มความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการยุติโครงการนิวเคลียร์ในอิหร่าน หากสหรัฐฯ และอิหร่านบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายและมีเสถียรภาพมากขึ้นในภูมิภาค
ลงทะเบียนบัญชี Olymp Trade และรับ $10,000 รับ $10,000 สำหรับมือใหม่
ตลาดคริปโตเคอเรนซี
Bitcoin ซื้อขายอยู่ในช่วงสะสมกำลังที่ $41,000-46,000 ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา การออกจากกรอบดังกล่าวนี้จะเป็นตัวกำหนดอารมณ์ตลาดในระยะกลาง หากราคาตัดผ่านแนวต้านที่ $46,000 เราก็จะสามารถพูดถึงการปรับฐานขาขึ้นได้ หากแนวรับที่ $41,000 พยุงราคาไม่สำเร็จ แนวโน้มระยะกลางขาลงก็จะดำเนินต่อไป ในกรณีดังกล่าว อินดิเคเตอร์ MACD รายวัน และอินดิเคเตอร์อื่น ๆ อีกหลายตัวจะแสดงสัญญาณแนวโน้มขาลง สิ่งนี้อาจพาราคาไปสู่คลื่นเทขายรอบใหม่ และกลับไปสู่แนวรับที่บริเวณ $30,000-34,000 อย่างไรก็ตาม ดัชนีทั้งหมดยังคงชี้ว่า ตลาดคริปโตอยู่ในช่วงตรงกลาง
เดือนที่จะมาถึงนี้คาดว่าจะเป็นเดือนที่น่าสนใจ นักยุทธศาสตร์จาก JPMorgan เดวิด เคลลี (David Kelly) มองว่า นักลงทุนคริปโตอาจเผชิญกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก เนื่องด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเฟดสหรัฐฯ ซึ่งจะนำไปสู่ยุคแห่ง “การเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่ง” โดยมีการเปิดเผยในผลการประชุมของคณะกรรมการ FOMC ระหว่างวันที่ 26-26 ม.ค. ว่า ธนาคารฯ ตระหนักถึงความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเนื่องด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของสินทรัพย์คริปโตและแพลตฟอร์ม DeFi
มูลค่ารวมในตลาดคริปโตกลับขึ้นมาสู่ $2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยปริมาณการซื้อขายต่อวันเพิ่มเป็น $77.8B
ดัชนี Fear and Greed Index ยังคงตัวในระดับตรงกลางที่ 52 จุด นักเทรดรายย่อยก็แบ่งออกเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเท่ากัน โดยฝ่ายขายครองคำสั่งขายในตลาด FTX Kraken และฝั่งผู้ซื้อครองตลาด Bitfinex ด้านดัชนีการครองตลาด BTC Dominance Index ชี้ว่าบิทคอยน์ยังมีสัดส่วนเดิมที่ประมาณ 40%
JPMorgan เข้าร่วมใน Metaverse ธนาคารเปิดตัวห้องนั่งเล่นหรือเลานจ์ในโครงการ Decentraland โดยมีที่ตั้งที่เรียกว่า Onyx ตามชื่อแพลตฟอร์มบล็อกเชนของธนาคารฯ โดยให้บริการรายงานจาก JPMorgan เกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในเมตาเวิร์สเสมือนจริง
ธนาคารกลางรัสเซีย: CBDC – ใช่ แต่คริปโตเคอเรนซี – ไม่. ธนาคารกลางรัสเซียจะเริ่มการทดสอบเงินรูเบิลดิจิทัลระยะที่ 2 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 โดยจะทดสอบธุรกรรมการชำระเงินสำหรับสินค้า บริการ และการชำระเงินกับรัฐบาล ในระหว่างนี้ กระทรวงการคลังรัสเซียได้เตรียมร่างกฎหมายเพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต แม้ว่าจะมีมุมมองที่คัดค้านจากธนาคารกลางฯ
ธุรกิจคริปโตกำลังขยายตัว ปริมาณการเข้าซื้อและควบรวมกิจการในธุรกิจคริปโตเพิ่มขึ้นเป็น $55 พันล้านเหรียญในปี 2021 ซึ่งในปี 2020 ปริมาณนี้อยู่ที่เพียง $1.1 พันล้านเหรียญเท่านั้น
บทสรุป
- ตลาดค่าเงินแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์นี้ เราควรให้ความสนใจในค่าเงินปอนด์อังกฤษ ซึ่งอาจเริ่มแข็งค่าเนื่องด้วยท่าทีสายเหยี่ยวของธนาคารแห่งชาติอังกฤษ
- ดัชนีหุ้นติดลบ ฝั่งกระทิงพยายามโต้กลับจากที่ร่วงลงครั้งใหญ่เมื่อวันศุกร์ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะวางใจ คณะกรรมการ FOMC จะประชุมกันอีกครั้งกลางเดือนมีนาคม โดยมีโอกาสที่จะสั่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกือบ 100%
- ราคาน้ำมันทำสถิติูสูงสุดใหม่ และขยับถึง $100 ราคาทองคำตัดผ่านเส้นเทรนด์ราคาโลก และขยับขึ้นอย่างรวดเร็วไปที่ $2,000
- ตลาดคริปโตอยู่ในช่วงตรงกลางอ้างอิงจากตัวชี้วัดหลัก