นักวิเคราะห์ Olymp Trade ได้พัฒนาอินดิเคเตอร์ใหม่ล่าสุดเรียกว่า Inversion Bollinger ซึ่งดูเหมือนออสซิลเลเตอร์ และแสดงให้เห็นด้านล่างในกราฟนี้
อินดิเคเตอร์นี้ทำงานบนหลักการของอินดิเคเตอร์ชื่อดังอย่าง Bollinger Bands โดย Inversion Bollinger แสดงให้เห็นถึงเวลาที่ตลาดอยู่ในช่วง overbought (มีแรงซื้อมากเกินไป) หรือ oversold (มีแรงขายมากเกินไป) ตามทฤษฎีความน่าจะเป็น ดังนั้นจึงใช้งานได้ดีกับออสซิลเลเตอร์อื่น ๆ เพื่อหาจุดกลับตัวได้อย่างแม่นยำ
เพื่อเป็นการทำความเข้าใจว่า Inversion Bollinger ทำงานอย่างไร เราจะมาดูหลักการพื้นฐานของอินดิเคเตอร์ Bollinger Bands กันก่อนเบื้องต้น
อินดิเคเตอร์นี้ประกอบด้วยเส้นทั้งหมดสามเส้น:
- เส้นตรงกลาง – SMA ที่ระยะเวลามาตรฐานคือ 20
- เส้นด้านบน – เส้นตรงกลางที่เลื่อนขึ้นไปตามค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (2 ตามค่ามาตรฐาน)
- เส้นด้านล่าง – เส้นตรงกลางที่เลื่อนลงมาตามค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (2 ตามค่ามาตรฐาน)
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างราคาและเส้น SMA 20 กล่าวคือ ขึ้นอยู่กับความผันผวนในตลาด กรอบที่ปรากฏจะกว้างขึ้นเมื่อตลาดกำลังขยับขึ้นหรือขยับลงเป็นอย่างมาก และกรอบจะแคบลงเมื่อตลาดขยับในทิศทางด้านข้าง
หลักการสำคัญของการใช้งาน Bollinger Bands คือ เมื่อใช้งานค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานทั้งสองค่า จะมีเพียงราคาแค่ 5% เท่านั้นที่แตะกรอบด้านบนหรือด้านล่างในอินดิเคเตอร์ ส่วนราคาอีก 95% จะคงตัวอยู่ภายในกรอบ หากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเพิ่มขึ้นเป็น 3 ราคา 99% จะคงตัวอยู่ในกรอบของอินดิเคเตอร์ และมีเพียง 1% เท่านั้นที่จะขยับออกนอกกรอบตามทฤษฎีความน่าจะเป็น
ลงทะเบียนบัญชี Olymp Trade และรับ $10,000 รับ $10,000 สำหรับมือใหม่
โครงสร้างของ Inversion Bollinger
เมื่อดูที่โครงสร้างของอินดิเคเตอร์ Inversion Bollinger เราจะมาเพิ่มอินดิเคเตอร์ Bollinger Bands อีกหนึ่งตัวพร้อมค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ 3 และเปิดระดับตรงกลางเป็นซิกม่า +/-2 ในการตั้งค่า Inversion Bollinger
Inversion Bollinger แสดง Bollinger Bands “แบบปรับให้ตรง” 2 ตัวด้วยกัน ออสซิลเลเตอร์จะแสดงถึงค่าราคา ณ ปัจจุบันซึ่งสัมพันธ์กับเส้น 20 SMA รวมถึงกรอบด้านบนและด้านล่างของ Bollinger Bands โดยมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่สองและสามในสถานการณ์ดังต่อไปนี้:
- เมื่อราคาขยับถึงเส้น 20 SMA Inversion Bollinger จะอยู่ที่ระดับ 0
- เมื่อราคาตัดผ่านกรอบด้านบนของ Bollinger Bands ที่ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสองหรือสาม Inversion Bollinger จะตัดผ่านเส้นซิกม่า +2 หรือ +3 ตามลำดับ
- เช่นเดียวกัน เมื่อราคาตัดผ่านกรอบด้านล่างของ Bollinger Bands ที่ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสองหรือสาม Inversion Bollinger จะตัดผ่านเส้นซิกม่า -2 หรือ -3
ลงทะเบียนบัญชี Olymp Trade และรับ $10,000 รับ $10,000 สำหรับมือใหม่
สัญญาณจากอินดิเคเตอร์
เนื่องจากอินดิเคเตอร์ Bollinger Bands ช่วยหาลักษณะบางรูปแบบของเทรนด์ อินดิเคเตอร์ Inversion Bollinger ก็มีคุณสมบัติที่คล้ายกัน ทิศทางของอินดิเคเตอร์ช่วยให้เราหาโครงสร้างของเทรนด์ได้ในกรณีดังนี้:
- หากเส้นอินดิเคเตอร์อยู่เหนือระดับ 0 หมายความว่า ตลาดอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น หาก Inversion Bollinger อยู่ต่ำกว่า 0 ตลาดจะเป็นเทรนด์ขาลง
- หากเทรนด์คงที่และนิ่งสงบ Inversion Bollinger จะขยับอย่างช้า ๆ จาก 0 เป็น 2 ซิกม่า หรือจาก -2 ซิกม่าเป็น 0
- หาก Inversion Bollinger เริ่มผันผวนใกล้กับบริเวณระดับซิกม่า +/-2 หมายความว่า ตลาดมีเทรนด์ที่มีกำลังคงที่ บน Bollinger Bands สถานการณ์นี้เรียกว่า “Bollinger Band Walk” ซึ่งมักเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ JPY และไม่แนะนำให้เทรดสวนทิศทางเทรนด์ประเภทนี้
อย่าลืมว่าอินดิเคเตอร์นี้มีความอ่อนไหวมากขึ้นในช่วงที่ตลาดขยับด้านข้างหรือตลาดคงที่ และมีความอ่อนไหวลดลงในช่วงที่เทรนด์มีกำลัง
พื้นที่ด้านบนเส้นซิกม่าทั้งสองเส้นถือว่าเป็นโซน overbought และพื้นที่ด้านล่างเส้นซิกม่า -2 คือโซน oversold การกลับมาสู่บริเวณเหล่านี้จะให้สัญญาณประเภทหนึ่งในการเปิดคำสั่งเทรด อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดจาก Inversion Bollinger จะได้จากช่วงเวลาที่เส้นอินดิเคเตอร์แตะหรือตัดผ่านเส้นซิกม่าระดับ +/-3
สัญญาณเปิดคำสั่งเทรดขึ้น:
- เส้นอินดิเคเตอร์ตัดซิกม่า -2 จากล่างขึ้นบน
- เส้นอินดิเคเตอร์แตะหรือตัดลงต่ำกว่าระดับซิกม่า -3
สัญญาณเปิดคำสั่งเทรดลง:
- เส้นอินดิเคเตอร์ตัดผ่านซิกม่าสองระดับจากบนลงล่าง
- เส้นอินดิเคเตอร์แตะหรือตัดขึ้นเหนือซิกม่าระดับสาม
การใช้ประกอบกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ
วัตถุประสงค์หลักของ Inversion Bollinger คือ การประเมินโอกาสที่ตลาดจะกลับตัว และด้วยเหตุนี้ หนึ่งในเครื่องมือที่เป็นประโยชน์มากที่สุดที่นักเทรดสามารถใช้งานได้ในกรณีนี้ คือ ระดับแนวรับ และแนวต้าน
คุณอาจสังเกตเห็นว่าการกลับตัวของเทรนด์มักจะเกิดขึ้นใกล้กับระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ จึงแนะนำให้เพิ่มระดับแนวรับและแนวต้านบนกราฟราคาในกรอบเวลาที่คุณใช้งานอยู่ คุณยังสามารถใช้อินดิเคเตอร์ Pivot Point และ Fibonacci levels ซึ่งใช้ช่วยในการหาระดับแนวรับและแนวต้าน
ลงทะเบียนบัญชี Olymp Trade และรับ $10,000 รับ $10,000 สำหรับมือใหม่
การใช้ระดับเหล่านี้มาประกอบในการวิเคราะห์ได้ผลดีโดยเฉพาะกับสัญญาณสุดโต่งจาก Inversion Bollingers เมื่อราคาแตะที่ระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ และอินดิเคเตอร์ Inversion Bollinger ก็แตะหรือตัดออกนอกระดับซิกม่า +/3 ในขณะเดียวกัน สัญญาณที่ได้รับจะมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
อินดิเคเตอร์นี้ยังใช้งานได้ดีกับออสซิลเลเตอร์อื่น ๆ เช่น RSI ออสซิลเลเตอร์ช่วยให้เข้าใจว่าตลาดอยู่ในภาวะ overbought หรือ oversold เมื่อไร แต่ใช้งานแนวทางทางคณิตศาสตร์ที่แตกต่างออกไป
ดังนั้น การผสมผสานกันจึงช่วยหาจุดวกกลับได้อย่างแม่นยำดีเยี่ยม หาก RSI (หรือออสซิลเลเตอร์ที่คล้ายกันใด ๆ) อยู่ในโซน overbought หรือ oversold ในช่วเวลาเดียวกันกับสัญญาณจาก Inversion Bollinger สัญญาณนั้นจะยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้น
โปรดสังเกตสถานการณ์ด้านซ้ายมือ RSI ขยับถึงและตัดผ่านระดับ 30% ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสินทรัพย์อยู่ในภาวะ oversold ในขณะที่สถานการณ์ด้านขวามือ Inversion Bollinger ขยับถึงเส้นซิกม่าระดับสาม แต่ RSI ยังไม่ให้สัญญาณการกลับตัว และสัญญาณนั้นเริ่มอ่อนแอลง
ลงทะเบียนบัญชี Olymp Trade และรับ $10,000 รับ $10,000 สำหรับมือใหม่
บทสรุป
Inversion Bollinger คือ อินดิเคเตอร์ Bollinger Bands ที่กลายเป็นออสซิลเลเตอร์ ด้วยเหตุนี้จึงมีทั้งข้อดีและข้อเสียเทียบกับ BB และเช่นเดียวกันกับอินดิเคเตอร์ชนิดอื่น ๆ นี่ไม่ใช่อินดิเคเตอร์ที่สมบูรณ์แบบ และแนะนำให้ใช้งานอินดิเคเตอร์ที่แตกต่างกันโดยเฉพาะออสซิลเลเตอร์อื่น ๆ
แม้ว่าคุณจะสร้างกลยุทธ์การเทรดด้วยอินดิเคเตอร์หลายชนิด สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักคือ องค์ประกอบของการเทรดอย่างประสบความสำเร็จอื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นจิตวิทยาในการเทรด และการบริหารจัดการเงิน การผสมผสานองค์ประกอบที่สำคัญในการเทรดทั้งสามองค์ประกอบหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ทางการเงินที่มั่นคง
